จากกรณี พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ “บ้านกำนันนก” จากการตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดอีก 2 ตัวที่กู้ขึ้นมาได้ โดยระบุว่า หลังเกิดเหตุแล้วตำรวจก็ช่วยผู้กระทำผิด เช่น ขับรถนำบ้าง ขับรถตามบ้าง แล้วก็ไปเป็นคนคุ้มกันให้กำนันนกบ้าง แทนที่จะอยู่ข้างตำรวจช่วยตำรวจ กลับกลายเป็นไปช่วยผู้กระทำผิด นายตำรวจระดับสูงก็เป็นเผ่นหนี คนที่บอกช่วยก็ไม่ได้ช่วยโกหกทั้งนั้น
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เผยอีกว่า เพิ่งหาข้อเท็จจริงได้ล่าสุด กล้องมี 15 ตัว 13 ตัวเปิดได้ 100% เต็ม แต่ 2 ตัวพยายามกู้แต่กู้ไม่ได้ เป็นกล้องที่ส่องมาบนโต๊ะจีน กล้องทั้ง 2 ตัวนี้ปรากฏว่า พิสูจน์หลักฐานเพิ่งถอดบอร์ดออกมาได้ ตัวแรกเป็นกล้องที่ไม่ได้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ตรงนี้ตัดออกไป ส่วนอีกตัวเวลาหยุดตรงที่ 10.16 น. ของวันเกิดเหตุ สงสัยว่า ทำไมไม่มีภาพหลังจากนี้
โดยจากการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐาน ก็ได้พยายามเอาบอร์ดมาถอดได้จึงได้เห็นว่าสรุปแล้วครั้งแรกเดิมที่เราตั้งสมมติฐานว่า มีการดึงปลั๊กหรือถอดปลั๊กตัดสายอันนี้ไม่ใช่ กล้องตัวนี้ก่อนที่ตนเองจะมาถึงปรากฏว่า กล้องตัวนี้กำนันเป็นคนกดสวิตซ์ปิดตอน 10.16 น. และมีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกำนันถึงปิดสวิตช์ คาดว่ามีคนมาเตือน กำนันว่า การจัดงานเลี้ยงกล้องต้องไม่ให้เห็นว่ามีใครนั่งบ้าง กำนันก็เลยกดสวิตซ์ปิด ตั้งแต่เวลาดังกล่าว ทำให้กล้องไม่มีการจับภาพตั้งแต่ 10.16 น. เป็นต้นไป ซึ่งการเข้ามาในงานคงไม่มีใครนึกว่าจะเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้