วันที่ 19 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการโอนคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ไปให้กองบังคับการปราบปรามรับผิดชอบ ต่อมามีกระแสข่าวผบ.ตร.ไม่พอใจการทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยืนยันว่า ตรงนี้เป็นการตีความที่คลาดเคลื่อน โดยในคดีที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 เป็นเจ้าของสำนวนได้เสนอเรื่องมาว่าหลักฐานส่วนใหญ่ในคดีการเสียชีวิตอยู่ที่กองปราบฯ ตนจึงทำการอนุมัติคดีให้กองปราบฯ รับผิดชอบเพียงเท่านั้น
ซึ่งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลทุกอย่าง ไม่ได้ถือว่าเป็นการลิดรอนอำนาจ ตนยืนยันว่าเป็นการตีความผิดไปเอง
“คดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต. ศิวกรเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ผมเล็งเห็นว่าหากทางภาค 7 ดำเนินการต่อ เจ้าหน้าที่อาจจะหนักใจ อาจจะมีข้อมูลรั่วไหล หรือ อาจจะมีตำรวจในพื้นที่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ต้องหา ส่วนคดีความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่จำเป็นที่จะต้องโอนให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ดำเนินการภายใน 30 วันอยู่แล้ว การที่โอนคดีมาที่กองปราบฯจึงไม่ได้แตกต่างอะไรเป็นพิเศษ”
ผบ.ตร.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พูดคุยกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์แล้ว ไม่รู้ว่าสื่อจะตีความไปทางใด ส่วนตัวไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ตนยังมีงานอื่นที่ต้องรับผิดชอบอีกมาก และขอยืนยันว่าตนไม่ได้ลิดรอนอำนาจพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด
เมื่อถามว่าส่วนตัวพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ รู้สึกน้อยใจหรือไม่ที่ถูกมองว่าไปลิดรอนอำนาจหน้าที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสื่อมีมาก หลายช่องทาง ตนต้องหนักแน่น ต้องเดินหน้าทำงานอื่นต่อไป ในภาพรวมยังมีภารกิจต่างๆ ที่สำคัญรออยู่